
ทำความรู้จักกับศิลปินหล่อวัย16 ปี “Ruel” กับเส้นทางดนตรี สู่การบินลัดฟ้าเปิดการแสดงครั้งแรกที่เมืองไทย ก็ทำสาวๆ กรี๊ดกันหนักมาก
ทำเอาสาวๆ กรี๊ดกันหนักมากเมื่อศิลปินรูปหล่อ Ruel (รูล หรือ รูเอล) วัย16 ปี ศิลปิน นักแต่งเพลง สัญชาติออสเตรเลีย มาเปิดการแสดงที่เมืองไทยเป็นครั้งแรก งานนี้จัดที่ควอเทียร์ อเวนิว ชั้น G ศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งบรรยากาศในงานนั้น มีสาวๆ และแฟนเพลงมาร่วมชมคอนเสิร์ต และส่งเสียงกรี๊ดให้หนุ่ม Ruel อย่างอบอุ่นและร้อนแรง ชนิดที่ว่าพื้นที่งานนั้นแทบไม่มีที่ว่างเพราะด้วยความฮอตของศิลปินสัญชาติออสเตรเลียผู้นี้ ไม่ว่าจะชั้น G ของเอ็มควอเทียร์ ชั้น 1,2,3 ตรงทางเชื่อมห้าง ก็มีแฟนๆ จับจองสถานที่ยืนชมคอนเสิร์ตกันเพื่อจะได้เห็นหน้าหล่อๆ ของเขา
แต่ไม่ใช่แค่หล่ออย่างเดียว เรื่องความสามารถด้านการร้อง การเอ็นเตอร์เทนของศิลปินก็ไม่น้อยหน้า ด้วยเสียงแหบเสน่ห์ อีกทั้งไม่ว่าจะขยับท่าไหนแฟนๆ กรี๊ดสนั่นให้กับหนุ่มน้อยวัย 16 ผู้นี้
งานนี้เขาได้ขนเพลงฮิตมาแสดงสดมากมายไม่ว่าจะเป็นเพลง “Don’t tell me” “Dazed & Confused” “Younger” และ “Not Thinkin’Bout You” จัดเต็มไปชั่วโมงกว่า

สำหรับศิลปินท่านนี้ เรียกได้ว่าเป็นศิลปินมาแรงมากๆ แม้ว่าเขาจะเป็นที่รู้จักมาแล้ว แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายๆ คนที่อาจจะยังไม่รู้จักแต่คงคุ้นๆ หน้าค่าตาหนุ่มคนนี้มาแล้วบ้างในยูทูป วันนี้ทาง Dudeplace เลยมีประวัติข้อมูลคร่าวๆ ถึงเส้นทางดนตรีของเขามาเล่าให้ฟัง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้จาก BEC TERO MUSIC ผู้อำนวยความสะดวกในการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้

Ruel เป็นศิลปินอายุแค่ 16 ปี เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2545 ที่ลอนดอน, สหราชอาณาจักร แต่สัญชาติออสเตรเลีย ทุกคนเรียกเขาว่าหนุ่มน้อยผู้มีพรสวรรค์เกินอายุ ซึ่งเขาคนนี้ก็คือศิลปิน นักแต่งเพลง จากออสเตรเลียเจ้าของมินิอัลบั้ม Ready ที่มียอดสตรีมมากกว่า 100 ล้านครั้ง กับเพลงฮิตอย่าง “Don’t tell me” “Dazed & Confused” “Younger” และ “Not Thinkin’Bout You” นอกนี้ยังเป็นศิลปินเด็กที่สุดที่ได้รับรางวัล “Breakthrough Artist of the year” จากงาน Australian Recording Indrustry Association Music Awards อีกด้วย
สำหรับเส้นทางดนตรีของเขา Ruel เล่าว่า ในคืนหนึ่งเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ขณะนั่งทานอาหารเย็นกับครอบครัว เขาได้เปิดใจกับพ่อแม่และพี่สาวเกี่ยวกับผู้หญิงที่เขาแอบชอบ ครอบครัวของเขาพูดกับเขาว่า “Ruel เธอไม่รู้หรอกว่าที่พูดมาคืออะไร เธอยังเด็กไปสำหรับเรื่องแบบนี้”
Ruel เล่าต่อว่า “นั่นมันทำให้ผมผิดหวังมาก ผมคิดว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะกำหนดให้ผมรู้สึกอย่างไร และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ผมแต่งเพลงเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นขึ้นมา และผมก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะนำพาผมให้เจอกับทุกสิ่ง”
“คำว่า ‘ทุกสิ่ง’ ในที่นี้หมายถึงความสำเร็จของเพลง ‘Don’t tell me’ เพลงบัลลาดอันทรงพลัง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเกี่ยวกับ การไม่ยอมให้คนอื่นมาบอกคุณว่าคุณควรรู้สึกอย่างไร เพราะไม่มีใครรู้ดีเท่ากับตัวคุณ” เขา อธิบาย
หลายสิ่งในตัว Ruel เริ่มเปล่งประกายออกมา ไม่กี่เดือนก่อนที่เพลง ‘Don’t tell me’ จะปล่อยออกมาโดยเพลงนี้เป็นฝีมือการโปรดิวซ์ของ M-Phazez (โปรดิวเซอร์ ของ Eminem, Amy Shark, Logic) เพลงเดบิวต์อย่างเป็นทางการของ Ruel นั้นเป็นเพลงที่ได้ร่วมงานกับ M-Phazez ในเพลง ‘Golden Year’ เขาได้รับเชิญให้ไปแสดงสดใน ‘Triple J’s Like A Version’ รายการวิทยุชื่อดังของประเทศออสเตรเลียในเพลง ‘Golden Year’ เวอร์ชั่น Stripped-down และ cover เพลง Weathered ของ Jack Garratt
และด้วย เสียงอันมีพลังและไพเราะของเขานั้นทำให้การแสดงออกมายอดเยี่ยมมาก โดยวีดีโอการแสดงก็ได้รับความสนใจและมียอดวิวพุ่งสูงถึงครึ่งล้านวิวภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมงเท่านั้น อีกทั้งยอดคนติดตามในโซเชียลมีเดียของเขาก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
Ruel กล่าวว่า “จำนวนคนติดตามของผมขึ้นจาก 100 ไปถึง 4,000 ในเวลาแค่ชั่วโมงเดียวเป็นเรื่องที่บ้ามากๆครับ” และยังกล่าวต่ออีกว่า “ผู้คนที่ผมชื่นชมก็เริ่มมาติดตามผม และนี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมคิดว่าเส้นทางนักดนตรีของผมมันเริ่มขึ้นแล้วจริงๆ”
Ruel ถูกแนะนำดนตรีแนวโซล บลูส์ และแจ๊ส โดยคุณพ่อก็หลงรักในดนตรีของเขา คุณพ่อของเขาชอบเปิดเพลงของ Amy Winehouse , Stevie Wonder และ Dave Brubeck ให้เขาฟัง ซึ่งศิลปินเหล่านี้เป็นศิลปินคนโปรดของเขา แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้นเขาก็ได้เริ่มชอบศิลปินอย่าง Frank Ocean, Childish Gambino, Ed Sheeran และ James Blake ด้วย
“เวลาผมอยู่บ้านผมจะชอบร้องเพลง แต่เมื่อผมเห็นศิลปินเหล่านี้แล้วมันทำให้ผมอยากเริ่มเรียนกีต้าร์เพิ่มด้วย ดังนั้นคุณแม่ของผมจึงส่งผมไปเรียน ในการเล่นกีต้าร์อย่างเดียวมันค่อนข้างที่จะน่าเบื่อ ผมเลยเริ่มหัดร้องเพลงไปพร้อมกับการเล่นดนตรีด้วย และครูที่สอนผมก็บอกกับพ่อแม่ผมว่า ‘ผมว่าเราควรปรับการเรียนให้เป็นร้องเพลงครึ่งนึง และเล่นกีต้าร์ครึ่งนึงเพราะลูกชายของคุณชอบการร้องเพลงมาก’”
ไม่นานหลังจากนั้น เดโม่ เพลงที่ Ruel ร้อง cover เพลง Let it go ของ James Bays ก็ได้ถูกส่งไปถึง M-Phazez และวันต่อมา พวกเขาก็ได้พูดคุยกันผ่าน Skype “เช้าตรู่วันนั้น M-Phazez ในลุคสะอาดและเรียบร้อยนั่งอยู่ในสตูดิโอของเขา ในขณะที่ผมใส่ชุดนอนเข้าไปแล้วพูดว่า ‘ว็อทซับทุกคน!’ (เด็กหนุ่มเล่าพร้อมกับหัวเราะ) M-Phazez แนะนำผมให้รู้จักกับ Thief (Chromeo, Tobias Jesso Jr.) นักแต่งเพลงชาวออสเตรเลียน ทั้งสองคนช่วยกันเขียนเพลง Golden Years ขึ้นมา”
Ruel เล่าต่อว่า “เพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการที่เขากับพ่อยืนอยู่ที่ระเบียงบ้านมองดูพระอาทิตย์ตกดินที่ซิดนีย์ และทุกเพลงของเขาล้วนมาจากประสบการณ์ส่วนตัวทั้งนั้น และการเขียนเพลงทำให้ผมก้าวผ่านเรื่องเหล่านั้น และความรู้สึกที่ผมไม่สามารถเข้าใจมันได้เวลาผมเขียนเกี่ยวกับบางอย่างมันช่วยทำให้ผมคิดออกว่านั่นมันคืออะไร แต่ผมก็อยากให้ทุกคน ทุกวัยไม่ว่าคุณจะอายุ 15 หรือ 50 ปี สามารถเข้าถึงเพลงของผมได้”
หลังจากรายการ “Like A Version” ในตอนของ Ruel ได้ถูกเผยแพร่เขาได้เปิดตัวเพลง Don’t Tell Me และถูกเชิญให้ร่วมเขียนเพลงกับ Julia Stone ซึ่งทำให้เขาได้เป็นศิลปินซัพพอร์ต ใน Sold- Out ทัวร์ของ Angus & Julia ในประเทศออสเตรเลียและได้เข้าร่วมสัมภาษณ์กับศิลปินทั้งสองในรายการ Rocket Hour บนคลื่นวิทยุ Beats 1 พวกเขาได้กล่าวชื่นชม Ruel ว่า “นายมีเสียงที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินจากนักร้องชายในวัย 14 ปีมาเลย และนี่มันน่าเหลือเชื่อมากๆ”
หลังจากนั้น Ruel ได้ถูกเชิญชวนเซ็นสัญญากับค่าย RCA Records เพียง 1 เดือนหลังจากเซ็นสัญญาเพลง Don’t Tell Me ได้ปรากฏในภาพยนตร์ของ Beats by Dre’s ในแคมเปญ #AboveTheNoise (แสดงโดย Cara Delevingne, Neymar Jr, Serena Williams และอีกมากมาย) ซึ่งทำให้เพลงนี้มีการสตรีมเพิ่มมากขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมคิดว่าเพลง Don’t tell me นั้นเหมาะกับหนังเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะว่าเพลงนี้แสดงให้เห็นถึงการส่งเสียงให้เหนือเสียงทั้งหมด เป็นการผลักดันตัวเองให้อยู่สูงกว่าคนที่ทำให้คุณผิดหวัง หรือล้มลงและนั่นเป็นสิ่งที่เพลงนี้พูดถึง” Ruel กล่าว
เหนือสิ่งอื่นใดคือการที่ Ruel พึงพอใจที่เห็นว่าเพลง Don’t Tell Me ได้ถูกเชื่อมต่อกับผู้คน เขากล่าวว่า “เพลงนี้เป็นเพลงที่เข้าถึงง่ายเพราะผู้คนมันจะถูกบอกว่าพวกเขาควรรู้สึกอย่างไรกับใครจากคนที่คิดว่าพวกเขารู้ดี ทั้งที่จริงแล้ว คนพวกนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวคุณเลยด้วยซ้ำ”
เขาเล่าต่อว่า “ผมได้รับข้อความและคอมเม้นมากมายจากหลายคนที่เข้ามาแชร์เรื่องราวของพวกเขาให้ฟัง เช่น ‘ฉันต้องหลบซ่อนกับการคบแฟนของฉันเพื่อไม่ให้พ่อแม่ของฉันรู้มาเป็นปีแล้ว และพอพวกเขารู้เรื่องเขาก็ไล่ฉัน เพราะเพียงแค่ว่าฉันยังเด็กไปสำหรับความรัก’”
นักร้องหนุ่ม กล่าวอีกว่า “มันทำให้ผมรู้สึกว่ามีหลายล้านเรื่องที่มีความแตกต่างกันที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และผู้คนกำลังพบเจอนั่นมันเป็นสิ่งที่พิเศษมากๆครับ”
Ruel ได้ปล่อยเพลงอื่นภายหลังจากการปล่อยเพลง Don’t Tell Me และทั้งหมดถูกรวบรวมอยู่ใน EP แรกของเขากับทางค่าย RCA โดย EP นี้มีชื่อว่า Ready ซึ่งได้รับคำชื่นชมมากมายจากนิตยสารหลายฉบับ เช่น “ หากคุณกำลังมองหาใครสักคนที่จะเติมเต็มเพลลิสต์ ของคุณด้วยเพลงป๊อปอันมหัศจรรย์ ไม่มีใครจะเหมาะสมได้เท่ากับ Ruel อีกแล้ว” โดย Time Magazine
“เพลง Dazed & Confused ตัดท่อนคอรัสที่ดูแพงและจังหวะดนตรีที่ช้าแต่ร้อนแรง จะทำให้เพลงนี้ติดอยู่ในหัวของคุณอย่างแน่นอน” โดย Paper Magazine
อีกทั้ง Nylon Magazine ยังชื่นชมว่า “นี่คือเด็กอัจฉริยะวัย 15 ปีที่เป็นสิ่งที่ขาดหายไปจาก Playlist ของพวกคุณ”
EP Ready ของเขา ได้ทำยอดสตรีมมากถึง 100 ล้านครั้งทั่วโลก โดยมีเพลงที่โดดเด่นอย่าง Don’t Tell Me Dazed & Confused Younger และ Not Thinking Bout you โดยมิวสิกวิดิโอ Younger นั้นมียอดวิวถึง 5.5 ล้านวิว หลังจากเผยแพร่ออกมาเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว อีกทั้ง เพลงทั้ง 3 ยังสามารถทำยอดขายระดับทองคำในประเทศออสเตรเลียอีกด้วย
โดยสรุปผลงานในปี 2018 Ruel ได้เป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในงานประกาศรางวัล Aria Awards ในสาขาศิลปินดาวรุ่งแห่งปีได้ขึ้นแสดงโชว์เปิดการแข่งขัน Commonwealth เกม
ปล่อยเพลง Not Thinking Bout you เวอร์ชั่น Remix กับแร็ปเปอร์ผู้ได้รับเข้าชิงรางวัลแกรมมี่อย GoldLink และประสบความสำเร็จกับ Sold Out ทัวร์ Ready World Tour ในทวีปอเมริกาใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ยุโรป และในเกาะอังกฤษ และนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของนักร้องหนุ่มมากความสามารถที่ชื่อ Ruel
ติดตามอินสตราแกรมของ Ruel
https://instagram.com/oneruel?utm_source=ig_profile_share&igshid=1ftf8q22142cm
